Home » บทความ » Fast Play Vs Slow Play เล่นแบบไหนดีกว่ากัน

Fast Play Vs Slow Play เล่นแบบไหนดีกว่ากัน

Fast Play Vs Slow Play เล่นแบบไหนดีกว่ากัน

Fast Play Vs Slow Play เล่นแบบไหนดีกว่ากัน

Fast Play Vs Slow Play เล่นแบบไหนดีกว่ากัน

(Fast Play หมายถึงการเล่นที่ตรงไปตรงมา เรามีเรา Raise ใส่ยับ)
(Slow Play หมายถึงการเล่นแบบ Trap รอคู่ต่อสู้ raise ใส่ แล้ว call หรือ re-raise กลับอีกทีนึง)

เมื่อเราติดตอง ตรง Flop (Flop หมายถึงไพ่ที่เปิด 3 ใบแรก)
คู่ต่อสู้ Bet (Bet หมายถึงการเกเงินลงไป เพื่อเพิ่ม Pot) ใส่เรา แล้วเราจะ Action (Action หมายถึงการที่เราจะสามารถ check bet หรือ fold) ยังไง
เราจะเล่น Fast Play ด้วยการ Raise กลับไป เพื่อชวน All-in (All-in หมายถึงการที่เรา raise หมดหน้าตัก)ให้เร็วที่สุดที่จะเป็นไปได้ หรือเราจะ Slow Play ด้วยการแค่ Call ไปก่อนเพื่อที่จะวาง Trap (Trap หมายถึงการวางกับดักคู่ต่อสู้ด้วยการ check) คู่ต่อสู้ของเรา

สถานการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นบ่อยเมื่อเราเล่นโป๊กเกอร์

ถ้าเราอยากจะเดินออกจากโต๊ะโป๊กเกอร์ด้วยกำไรมากมาย เราควรรู้วิธีการเลือกระหว่าง Fast Playing กับ Slow playing
บทความนี้จะช่วยได้ครับ
การตัดสินใจระหว่าง Fast กับ Slow Playing
สิ่งสำคัญสิ่งแรกที่เราควรทำ นั่นคือเราไม่ควรเล่นไพ่ที่สตรองในแพทเทิลเดิมๆ หลายๆครั้ง เช่น เมื่อเรา Fast play บ่อยๆ หรือ Trap คู่ต่อสู้บ่อยๆ นั่นคือเรากำลังทำผิดพลาด
เราควรจะเล่นโดยพิจารณาจากวิธีการเล่นของคู่ต่อสู้
– บอร์ดเป็นยังไง
– Ranges Hand (Range Hand หมายถึงความกว้างที่เป็นไปได้ของไพ่) ที่เรามีได้ และ Hand ที่คู่ต่อสู้จะมีได้
– การวิเคราะห์วิธีการเล่นของคู่ต่อสู้
เราควร Fast หรือ Slow Play เมื่อ Flop ติดตอง
การเล่นไพ่ตอง ตอน Flop จะไม่เหมือนกันเพราะแต่ละสถานการณ์จะไม่เหมือนกัน
การเล่นไพ่ตอง โดยที่บอร์ดแตกต่างกัน
มีสองเหตุการณ์
1.Wet flops คือไพ่จะเกือบๆเรียงหรือเรียงกัน แล้วมี Flush draw ด้วย
เช่น

1

ติดตองบน Wet flops

ยกตัวอย่าง เรามี 6♥6♣ ตอนที่เราอยู่ที่ Big Blind
ในบอร์ดแบบนี้หมายความว่า ไพ่ที่จะมาตอน Turn River จะพลิกให้คนอื่นมี Hand ที่ชนะ Best Hand ตอน Flop ได้ ยกตัวอย่างว่า ถ้าไพ่สักใบนึงมาตอน Turn คู่ต่อสู้ของเราอาจจะไม่ bet ต่อ เพื่อเขารอไพ่ใบต่อไปที่เขาคิดว่าจะสามารถพลิกกลับมาชนะเราได้
ยกตัวอย่างเช่น คู่ต่อสู้เรามี A♠A♦ Turn มาให้มันเกี่ยวข้องกับ Flop เขาอาจจะหยุด bet ต่อตรง Turn

– ไพ่ที่มาตรง Turn ทำให้มี Straight 4 ใบ เช่น 5 หรือ 7

2

3

 

– ไพ่ที่จะทำให้เรามี 2 คู่ หรือตอง เช่น 6,8,9 หรือ 10

– ไพ่ที่ Complete flush

7

ในตอน Turn คู่ต่อสู้จะกลัวเรา เพราะคิดว่าเรากำลัง Draw อยู่แล้วมาติดตอน Turn ซึ่งเขาอาจจะอ่านไพ่เราว่ามีไพ่ที่สตรองขึ้นก็ได้ นี่จะเป็นสิ่งที่ไม่ดีมากสำหรับไพ่ของเรา เพราะจะไม่สามารถเพิ่ม Pot ได้
ซึ่งถ้าคู่ต่อสู้ของเรามีไพ่ที่สตรองขึ้นในตอน Turn เราก็สามารถมั่นใจได้ว่าเขาจะ Bet ตรงนี้ต่อ

2.Dry flops คือไพ่ที่สเปะสะปะ ไม่เชื่อมกัน แล้วไม่มี Flush draw

เช่น

8

ติดตองบน Dry flops
ยกตัวอย่าง เรามี 6♥6♣ ตอนที่เราอยู่ที่ Big Blind
บอร์ดแบบนี้ดีมาก เพราะในตอน Turn และ River แทบจะไม่มีไพ่ที่ทำให้ Best hand จากตอน Flop เปลี่ยนไป
ในสถานการณ์นี้ เราไม่จำเป็นต้องเล่น Fast play ด้วยการ Check-raise ด้วยเหตุผลสองเหตุผลนี้
– ถ้าคู่ต่อสู้ของเรามี K ที่เป็น Top pair เขาจะ c-bet ตอน Turn และ/หรือ River ถ้าเราแค่ Call ไปตอน Flop
เราจะสามารถวาง Trap ตรงนี้ได้เพื่อที่ไว้ Check-raise ทีหลัง
– ถ้าคู่ต่อสู้ของเรา Bluff เขาอาจจะ bet ตรง Turn และ/หรือ River ถ้าเราแค่ Call ไปตอน Flop
การ Checke-raise ตรงนี้จะทำให้เราเสียกำไรไปเยอะ
บน Dry Board แบบนี้ แทบจะไม่มี Hand ที่เขาสามารถ Bluff เราแล้ว Hand ของเขาจะสามารถชนะเราได้เลย เราจะสามารถทำกำไรได้มากด้วยการ Check call ไปเรื่อยๆให้เขาติด Trap ของเรา

การวิเคราะห์ Range ไพ่

ก่อนที่เราจะ Fast/Slow play เราต้องวิเคราะห์ 2 ประเด็นเกี่ยวกับ range hand ก่อน
1.Range hand ของคุณแข็งแกร่งแค่ไหน
เป็นเรื่องปกติที่เราจะเล่น Fast play กับไพ่ที่แข็งแกร่งของเรา เพื่อเพิ่มผลกำไรในระยะยาว และเพื่อเพิ่มความกดดันให้คู่ต่อสู้ (แต่ก็อย่าลืมเล่นตอน Bluff ให้เหมือนกันด้วยนะจ๊ะ)
นั่นหมายความว่าเราควรจะเล่น Hand ที่แข็งแกร่งของเราอย่างน้อย 2-3 hand เพื่อทำให้ range ไพ่ของเราแคบลง
2.เราจะสู้กับ Range ไพ่ของคู่ต่อสู้อย่างไร
ถ้า Range ไพ่ของคู่ต่อสู้แข็งแกร่งกว่า range ไพ่ของเรา เราควรที่จะเล่น Slow play คู่ต่อสู้จะใช้ประโยชน์จากตรงนี้ bet ใส่เราเรื่อยๆ หลังจากที่เรา call flop และ turn ไปแล้ว เราจะใช้โอกาสนี้ raise คืน
เมื่อเราเล่น Fast play ด้วย hand ที่แข็งแกร่งมากบ่อยๆ คู่ต้องสู้ของเราจะใช้โอกาสนี้ในการ Bluff หรือกดดันเราด้วยการ raise กลับ และเมื่อเรา call ไป เขาจะ raise ใส่เราอีก เนื่องจากเขาอ่านไพ่เราออก

การวิเคราะห์วิธีการเล่นของคู่ต่อสู้
เมื่อเราตัดสินใจที่จะไม่ใช้เทคนิค Fast/Slow play วิธีนี้จะช่วยสร้างก็สามารถช่วยได้เช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น คู่ต่อสู้ของเราเป็น Calling station เราควรที่จะ bet ตลอดเพื่อเพิ่มกำไรให้เรา แต่กลับกัน ถ้าคู่ต่อสู้ของเรา Aggressive เราควรจะ call ไปเรื่อยๆ เพื่อให้เขาติด trap ของเรา
แต่วิธีนี้จะได้ผลดี ก็ต่อเมื่อเราสังเกตพฤติกรรมของคู่ต่อสู้ของเราอย่างใกล้ชิด
สังเกตคู่ต่อสู้ของเราเมื่อ Hand ไหนที่ไพ่เขาใหญ่มาก hand ไหนที่ไพ่เขากลางๆ หรือ hand ไหนที่ไพ่ของเขาต่ำ
สังเกตพฤติกรรมคู่ต่อสู้เมื่อเราจะ Raise เมื่อคู่ต่อสู้มีท่าทีที่จะ fold เราควรจะ raise ให้มากกว่าปกติ

9

สุดท้ายนี้
ถ้าเราเล่นโดยยึดหลักการในบทความนี้เป็นหลัก เราเข้าใกล้การทำกำไรสูงสุดในแต่ละ Hand แล้ว